ข่าวสารและบทความ

ควรเริ่มกิน Folic เมื่อไหร่ และต้องกินนานแค่ไหน?

ควรเริ่มกิน Folic เมื่อไหร่ และต้องกินนานแค่ไหน?

กรดโฟลิก (Folic Acid) เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ ช่วยป้องกันและลดความผิดปกติของท่อประสาทและความบกพร่องของกระดูกสันหลัง ผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ควรทานโฟเลตเป็นประจำก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน และรับประทานต่อเนื่องไปจนอายุครรภ์ได้ 12 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามกรดโฟลิกสามารถทานได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สำหรับในกรณีคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วแต่ยังไม่ได้รับประทานกรดโฟลิกก็ให้เริ่มรับประทานกรดโฟลิกโดยเร็วที่สุด

ทานกรดโฟลิกเท่าไหร่ดี?

ปริมาณกรดโฟลิกที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 400 ไมโครกรัมต่อวัน ทานทุกวันจนถึงสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์ แต่ในบางรายที่มีความเสี่ยงอันอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ มีประวัติในครอบครัว หรือมีบุตรคนก่อนที่มีความผิดปกติท่อประสาท สมอง หรือกระดูกสันหลัง จำเป็นต้องทานกรดโฟลิกในปริมาณที่มากขึ้น คือ 4,000 ไมโครกรัม หรือ 4 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ และจนกว่าอายุครรภ์อย่างน้อย 12 สัปดาห์เป็นต้นไป

การทานโฟลิกเป็นประจำก่อนและระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญมาก ช่วยป้องกันความพิการท่อประสาทในทารก อาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิก ได้แก่ ผักใบเขียว ไข่ นม ถั่ว สำหรับคุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ หรือการทำเด็กหลอดแก้ว แนะนำให้ทานโฟลิกในรูปแบบของอาหารเสริมร่วมด้วยนะคะ

ดูโปรโมชั่นแพ็กเกจเด็กหลอดแก้ว

ข่าวสารและบทความอื่นๆ

Happy Chinese New Year เตรียมพร้อมเป็นคุณพ่อคุณแม่ของ #เด็กปีงูเล็ก

อยากได้เบบี๋ปีงูเล็ก ควรเตรียมตั้งครรภ์ภายในเดือนเมษายน ลักษณะนิสัยของเด็กปีงูเล็ก จะมีความจำเป็นเลิศ มีอารมณ์ขัน ไหวพริบดี ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ จิตใจเด็ดเดี่ยว ขยัน อดทน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น

Embryo Glue และ MSS เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างไร

Embryo Glue เป็นน้ำยาที่ใช้ในการย้ายตัวอ่อน ส่วน MSS (Microfluidic Sperm Sorting) คือการเทคนิคการคัดกรองสเปิร์มแบบใหม่แล้ว 2 อย่างนี้ สามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างไร

𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 𝐀.𝐑.𝐓. 𝐋𝐈𝐕𝐄 : 🅔🅟.47 ❝ ท้องแล้ว แต่มีเลือดออก ทำอย่างไรดี ต้องกังวลไหม ❞

หากกำลังตั้งท้องแล้วมีเลือดออก หรือมีภาวะแท้งคุกคามควรทำอย่างไร ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการแท้ง และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดการแท้งในครั้งต่อไป