ข่าวสารและบทความ

𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 𝐀.𝐑.𝐓. 𝐋𝐈𝐕𝐄 : 🅔🅟.55 ❝ทำหมันแล้ว แต่อยากมีลูก จะทำอย่างไร❞


คุณหมอจิว นพ. สิริเชษฐ์ อเนกพรวัฒนา – สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และภาวะการมีบุตรยาก ให้ความรู้ในหัวข้อ ❝ทำหมันแล้ว แต่อยากมีลูก จะทำอย่างไร❞ พร้อมไขข้อข้องใจ การทำหมันในฝ่ายหญิง และฝ่ายชายคืออะไร แล้วสามารถแก้หมันได้ไหม หรือมีแนวทางการรักษาใดบ้างที่จะช่วยให้มีลูกได้อีกครั้ง


2:09 การทำหมัน

คือการคุมกำเนิดแบบถาวร เมื่อทำไปแล้ว โอกาสที่จะแก้แล้วกลับมาตั้งครรภ์ได้ค่อนข้างที่จะยาก แต่ก็สามารถทำการต่อหมันได้


2:26 คนไข้จะมีลูกได้อย่างไร ในกรณีที่ทำหมันไปแล้ว?

ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยจะแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้


2:45 1. การทำหมันหญิง

โดยทั่วไปจะตัดบริเวณท่อนำไข่ส่วนกลาง และจะผูกปลายทั้ง 2 ด้าน ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำหน้าที่ในการนำเซลล์ไข่มาปฏิสนธิกับอสุจิแล้วเคลื่อนตัวไปฝังตัวในโพรงมดลูกได้

ในกรณีที่ผู้หญิงที่ทำหมันแล้วเกิดเปลี่ยนใจในอนาคต เช่น แต่งงานใหม่ หรือเปลี่ยนแผนอยากจะมีลูกอีกครั้ง บางคนอาจจะต้องการต่อหมัน ซึ่งต้องพิจารณาจากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ปกติคนที่ทำหมันหญิงแนวทางที่จะมีลูกในอนาคตแบ่งเป็น 2 วิธี คือการต่อหมันใหม่ และการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI ซึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงว่าสามารถต่อหมันหญิงได้หรือไม่ จะต้องพิจารณาทั้งด้านฝ่ายชายและหญิง

  1. ปัจจัยทางฝ่ายชาย ได้แก่
    • ผลน้ำเชื้ออสุจิอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี แนะนำให้ทำ ICSI
    • ผลน้ำเชื้ออสุจิยังดีอยู่ อาจจะมีข้อบ่งชี้ในการต่อหมันได้
  2. ปัจจัยทางฝ่ายหญิง ได้แก่
    • อายุ โอกาสการตั้งครรภ์ในผู้หญิงลดลงอย่างมากตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 35 หรือ 38 ปีขึ้นไป โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงอย่างชัดเจน ฉะนั้นผู้หญิงที่อายุค่อนข้างเยอะ โอกาสที่จะตั้งครรภ์สำเร็จหลังจากต่อหมันจะค่อนข้างต่ำ คุณหมอจึงแนะนำว่าให้ไปทำ ICSI ไม่แนะนำให้ต่อหมันในคนไข้ที่อายุเกิน 38 ปี
    • การทำงานของรังไข่ ยังสามารถผลิตไข่ หรือยังมีไข่คงเหลืออยู่ในรังไข่มากน้อยแค่ไหน โดยการประเมินรังไข่สามารถดูได้จากค่าต่างๆ เช่น การตรวจค่า AMH ฮอร์โมนจากรังไข่ที่ช่วยบอกว่ารังไข่มีไข่มากน้อยแค่ไหน โดยเกณฑ์ที่ค่อนข้างดีจะอยู่ที่ 1.5-2 ขึ้นไป แต่ถ้าน้อยกว่า 1 อาจจะแปลว่าในรังไข่เหลือไข่น้อย การที่จะต่อหมันแล้วรอให้ตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ อาจจะไม่ดีเท่าไร จึงแนะนำให้ทำ ICSI
    • ท่อนำไข่ ต้องดูว่าท่อนำไข่ส่วนที่เหลือเป็นอย่างไร ถ้าท่อนำไข่มีพังผืด มีช็อกโกแลตซีสต์ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีพังผืดในช่องท้องเยอะ โอกาสในการต่อหมันสำเร็จก็จะค่อนข้างต่ำ คุณหมอก็แนะนำให้ข้ามไปทำ ICSI เช่นกัน

สรุปก็คือ ในผู้หญิง แนวทางการรักษาในกรณีที่เคยทำหมันไปแล้วมี 2 ทาง คือการต่อหมัน หรือการทำ ICSI ซึ่งการต่อหมันเหมาะสำหรับคนไข้ที่อายุน้อย ยังมีไข่เยอะ ตรวจค่า AMH และ AFC แล้วยังค่อนข้างสูง และไม่มีรอยโรคในช่องท้อง (ไม่มีพังผืดในช่องท้อง ไม่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ไม่มีบริเวณอื่นของท่อนำไข่ที่อุดตัน) ก็สามารถต่อหมันได้

หากนอกเหนือจากนี้ หรือฝ่ายชายมีปัญหาด้วย คุณหมอแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้ว หรือทำ ICSI ไปเลย


7:14 2. การทำหมันชาย

คือการผ่าตัดโดยการตัดและผูกบริเวณท่อนำอสุจิ

แนวทางการรักษาถ้าต้องการมีลูกอีกในอนาคต ก็มี 2 วิธีเช่นกัน คือ การต่อหมัน หรือการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งแบ่งการพิจารณาออกเป็น 2 ทาง คือการพิจารณาฝ่ายหญิง และการพิจารณาฝ่ายชาย โดยฝ่ายหญิงพิจารณาเรื่องอายุ มีไข่ตั้งต้นเหลือน้อย ค่า AMH น้อย หรือฝ่ายหญิงมีรอยโรคในช่องท้องทำให้มีลูกยาก ทำให้โอกาสที่การต่อหมันชายจะประสบความสำเร็จอาจจะค่อนข้างต่ำ เพราะฝ่ายหญิงมีปัญหา คุณหมอแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้ว หรือทำ ICSI ไปเลย

แต่หากฝ่ายหญิงยังอายุน้อย ท่อนำไข่ดี ไข่ตกปกติสม่ำเสมอ จะกลับมาดูที่ฝ่ายชาย ซึ่งการทำหมันชายจะมีลักษณะที่แตกต่างจากการทำหมันหญิงที่ระยะเวลานับจากวันที่ทำหมัน จนถึงวันที่ตัดสินใจจะต่อหมัน ค่อนข้างมีผลต่อโอกาสสำเร็จ

จากข้อมูลอัตราการสำเร็จในคนไข้ที่ต่อหมันชาย

การต่อหมันชายหลังจากที่ทำหมันในระยะเวลาน้อยกว่า 3 ปี โอกาสสำเร็จจะค่อนข้างสูงประมาณ 97% ที่ท่อนำอสุจิจะกลับมาต่อได้ปกติ และโอกาสการตั้งครรภ์อยู่ที่ประมาณ 79%

หากระยะเวลาเป็น 3-8 ปี โอกาสสำเร็จจะเหลือแค่ 88% และโอกาสการตั้งครรภ์เหลือ 53%

หากนานกว่า 8 ปี โอกาสสำเร็จจะอยู่ที่ 79% และโอกาสการตั้งครรภ์จะเหลือ 44%

หรือหากนานกว่านั้น โอกาสสำเร็จจะเหลือแค่ 70% และโอกาสการตั้งครรภ์เหลือ 30%

เห็นได้ว่าระยะเวลาหลังจากที่ทำหมันค่อนข้างมีผลต่อโอกาสที่จะสำเร็จในผู้ชาย หมายความว่าถ้านับจากวันที่ทำหมันไปแล้ว จนมาตัดสินใจที่จะต่อหมัน หากระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน โอกาสที่จะต่อหมันสำเร็จจะค่อนข้างต่ำ จึงไม่แนะนำให้ต่อหมัน

ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะต่อหมันชายหรือทำเด็กหลอดแก้ว จะต้องประเมินก่อนว่าอัณฑะยังสามารถสร้างเซลล์อสุจิได้หรือไม่ โดยการวัดขนาดของลูกอัณฑะว่าขนาดยังปกติอยู่ไหม เล็กหรือฝ่อไปหรือไม่ และการเจาะเลือดดูฮอร์โมนเพศชาย อย่างเทสโทสเตอโรนและฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง (FSH) ซึ่งการตรวจฮอร์โมนและการตรวจลูกอัณฑะจะบอกว่าได้อัณฑะยังมีศักยภาพที่สามารถสร้างเซลล์อสุจิได้หรือไม่ ถ้ายังมีศักยภาพก็จะพิจารณาต่อว่าเราจะต่อหมันไหม หรือนำอสุจิไปทำเด็กหลอดแก้ว รวมกับพิจารณาปัจจัยอื่นๆ แต่ถ้าประเมินทุกอย่างแล้วคิดว่าอัณฑะไม่สามารถสร้างอสุจิได้แล้ว จะแนะนำให้ใช้อสุจิบริจาค

หากระยะเวลาที่ทำหมันผ่านไปค่อนข้างนาน โอกาสสำเร็จค่อนข้างต่ำ หรือผู้หญิงมีปัญหาแล้วต้องทำ ICSI ขั้นตอนต่อไปที่จะทำคือการเก็บอสุจิออกมา ซึ่งผู้ชายที่ทำหมันไปแล้ว อสุจิจะไม่สามารถผ่านท่อนำอสุจิออกมาภายนอกได้ ก็จะทำการเก็บอสุจิจากลูกอัณฑะโดยตรง หรือเก็บจากท่อส่วนต้นเพื่อให้ได้อสุจิมาทำ ICSI


11:59 การเก็บอสุจิมาทำ ICSI มีวิธีไหนบ้าง?

มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งว่าจะนำอสุจิมาจากตรงไหน

ในคนไข้ที่ทำหมันแล้ว จะมีการผูกและตัดบริเวณท่อนำอสุจิ ฉะนั้นถ้าอัณฑะยังสร้างอสุจิได้ อสุจิจะอยู่บริเวณลูกอัณฑะหรือท่อพักอสุจิ (Epididymis) ซึ่งการเก็บอสุจิจะเก็บได้จาก 2 ตำแหน่ง คือบริเวณท่อพักอสุจิ ซึ่งเป็นกระเปาะ และบริเวณลูกอัณฑะ 

  1. การเก็บอสุจิจากบริเวณกระเปาะด้วยวิธี PESA จะเจาะเข็มเข้าไปที่บริเวณกระเปาะนี้ และดูดเอาน้ำออกมา เมื่อนำไปตรวจจะพบว่ามีตัวอสุจิ โดยโอกาสที่จะได้ตัวอสุจิจากการดูดน้ำบริเวณนี้อยู่ที่ 40-70%
  2. การเก็บอสุจิจากลูกอัณฑะ โดยการใช้เข็มเจาะดูดจากลูกอัณฑะ โอกาสที่จะได้ตัวอสุจิจากการดูดน้ำบริเวณนี้อยู่ที่ 40-70% เช่นกัน
  3. การทำ TESE เป็นการผ่าตัดโดยการลงแผลเล็กๆ ประมาณ 5 มม. บริเวณถุงหุ้มอัณฑะและลงแผลบริเวณลูกอัณฑะ เพื่อเก็บเซลล์ภายในลูกอัณฑะออกมาโดยตรง เซลล์นี้จะเรียกว่าท่อ seminiferous tubule หลังจากนั้นจะนำท่อนี้ไปดูในห้องปฏิบัติการเพื่อหาตัวอสุจิออกมา ซึ่งตัวอสุจิที่ได้จากลูกอัณฑะจะนำไปเข้าสู่กระบวนการทำ ICSI ต่อไป

โดยทั่วไปโอกาสการตั้งครรภ์จากการทำ ICSI เป็นไปตามอายุของผู้หญิงอย่างมาก ฉะนั้นหากอายุค่อนข้างเยอะ หรือเกิน 35-38 ปีขึ้นไป คุณหมอแนะนำให้รีบเข้ามาปรึกษา เพราะโอกาสการตั้งครรภ์ลดลงตามอายุอย่างมาก เวลาเป็นของมีค่า ถ้าปล่อยให้ผ่านไปโอกาสการตั้งครรภ์อาจจะลดลงจนไม่มีโอกาสจะตั้งครรภ์แล้ว ถ้าอายุมากไป กระตุ้นไข่ไปแล้วเก็บไข่ไม่ได้ หรือได้ตัวอ่อนที่คุณภาพไม่ดี อาจจะลงเอยด้วยการใช้ไข่บริจาค


16:17 ทำหมันแล้วต่อหมัน เมื่อไรจะท้อง?

ในกรณีของผู้หญิงที่ทำหมันไปแล้ว เมื่อต่อใหม่ ท่อนำไข่จะสามารถต่อได้ตามปกติ ถ้าสามารถตกไข่ได้ตั้งแต่รอบเดือนแรก ก็มีโอกาสจะตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ในรอบเดือนแรก แต่หากหลังต่อหมันเกิน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นไป แล้วยังไม่ตั้งครรภ์อาจจะต้องประเมินว่าท่อนำไข่ที่ต่อมีการกลับมาตีบหรือตันเหมือนเดิมหรือไม่ ทำให้ไม่ตั้งครรภ์ อาจจะต้องฉีดสีดูว่าท่อนำไข่ตันหรือไม่ ถ้าตันอาจจะต้องข้ามไปทำ ICSI

ส่วนผู้ชาย หลังจากการต่อหมันก็ลักษณะเดียวกัน คือถ้าอัณฑะยังสามารถสร้างอสุจิได้อยู่ ก็สามารถจะผ่านที่ต่อไปแล้วออกมาได้เลย ถ้ารอ 6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ อาจจะต้องดูว่าท่อนำอสุจิตันหรือไม่ แต่ของผู้ชายสามารถตรวจได้จากการตรวจน้ำเชื้อที่หลั่งออกมาว่าพบตัวอสุจิไหม ถ้าพบแปลว่าการต่อหมันสามารถกลับมาต่อได้ตามปกติ แต่ถ้าเจอตัวอสุจิแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ อาจจะต้องดูปัจจัยอื่นที่ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ไหม ถ้ามีก็ต้องแก้ปัจจัยอื่นที่เป็นสาเหตุด้วย


18:35 คนไข้ที่เป็นโรคไต หรือกินยาบางประเภท มีผลต่อตัวอสุจิไหม?

โดยทั่วไป ในคนไข้ที่เป็นโรคไต พอมีของเสียในร่างกายคั่ง จะส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย รวมถึงระบบสืบพันธุ์ ทั้งในผู้หญิง เรื่องการตกไข่ คุณภาพไข่ที่ไม่ดี และผู้ชายคือเรื่องการสร้างอสุจิที่อาจจะสร้างได้ไม่ดี อสุจิมีปัญหาเรื่อง DNA สูงขึ้น บางคนที่เป็นโรคไตระยะสุดท้ายอาจจะไม่มีตัวอสุจิผลิตออกมาจากลูกอัณฑะเลย ส่วนหลังจากปลูกถ่ายไตไปแล้ว บางคนอาจจะได้ยากดภูมิ ซึ่งยากดภูมิในคนไข้ที่ปลูกถ่ายไตมีหลายชนิด บางชนิดอาจจะมีผลต่อลูกอัณฑะในการสร้างตัวอสุจิ ทำให้คุณภาพตัวอสุจิลดลง หรือไม่มีตัวอสุจิที่หลั่งออกมาได้เลย จึงต้องดูว่าคนไข้ใช้ยาอะไรบ้าง ยาบางประเภทถ้ามีผลอาจจะต้องหยุดก่อน หรือเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น และต้องรออย่างน้อย 3 เดือน เพราะรอบของการสร้างตัวอสุจิใช้เวลาประมาณ 3 เดือน


20:12 เมื่อต่อหมันแล้วมีโอกาสท้องนอกมดลูกไหม?

การต่อหมันคือการต่อท่อนำไข่ส่วนต้นกับส่วนปลาย ซึ่งจะเกิดแผล ไม่เหมือนท่อนำไข่ที่สุขภาพดีเหมือนเดิม ถ้าต่อได้ แล้วไข่สามารถเดินทางได้ปกติ ก็ไม่มีปัญหา

แต่บางครั้งแผลบริเวณนั้นทำให้ไข่ไม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ แล้วไปติดอยู่บริเวณนั้น ทำให้เกิดการท้องนอกมดลูก ซึ่งยังไม่มีวิธีป้องกัน การต่อหมันจึงมีโอกาสท้องนอกมดลูกสูงขึ้นประมาณ 4-8% ถ้าเทียบกับการทำ ICSI โอกาสการท้องนอกมดลูกจะอยู่ที่ประมาณ 1-2% เท่านั้น

👩🏻‍⚕️💬 หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ ICSI สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่ Superior A.R.T. ได้ทุกวัน

ข่าวสารและบทความอื่นๆ

ไขข้อข้องใจ! การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) มีผลต่อคุณภาพของตัวอ่อนจริงหรือ?

หลายคนกังวลว่า การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) อาจทำให้ตัวอ่อนเสียหายหรือส่งผลต่อการฝังตัว วันนี้ Superior A.R.T. จะมาพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ

ถามหมอ 💬 กับหมอนิ : ทำ IVF / ICSI อย่างเดียวเพียงพอไหม

ทำเด็กหลอดแก้ว IVF / ICSI อย่างเดียวเพียงพอไหม หรือควรทำร่วมกับการตรวจโครโมโซม หรือต้องตรวจยีนร่วมด้วย วันนี้คุณหมอนิ จะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันค่ะ

อาหารบำรุงคุณภาพไข่ ช่วยชะลอการลดของ AMH เพื่อการตั้งครรภ์ ที่คุณต้องรู้!

การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยกระตุ้นการทำงานของรังไข่ เพิ่มคุณภาพไข่ และชะลอการลดลงของ AMH ได้ จะมีอาหารอะไรบ้างไปอ่านกัน