ข่าวสารและบทความ

เทคนิคการเลือกคลินิกทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI: 8 ปัจจัยสำคัญที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณา

ในปัจจุบันมี คลินิกที่ให้บริการ IVF/ICSI หรือบริการทำเด็กหลอดแก้วมากมาย ว่าที่คุณพ่อคุณแม่คงกำลังสงสัยว่า ควรเริ่มต้นอย่างไร คลินิก IVF ที่ดีเป็นอย่างไร ควรพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง ตลอดจนคลินิก IVF ใดบ้างที่มีประวัติและชื่อเสียงที่ดี  จริงอยู่ที่การตัดสินใจว่าจะเลือกคลินิกไหนขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงเมื่อรับคำปรึกษาจากคุณหมอและการไปเยี่ยมชมสภาพแวดล้อมของคลินิก  แต่การเตรียมคำถามที่ต้องการทราบเป็นสิ่งที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนเข้าไปรับคำปรึกษา เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลือกคลินิก IVF ที่ตรงใจ  

วันนี้ Superior A.R.T. ได้รวบรวมเทคนิคการเลือกคลินิกเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI และปัจจัยในการคัดเลือกคลินิก IVF ที่ดีมาให้แล้ว มาพิจารณาไปพร้อมๆ กันในบทความนี้เลยค่ะ

1. สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของคลินิก
2. บริการและความหลากหลายของการรักษา
3. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าของราคา
4. อัตราความสำเร็จ
5. อุปกรณ์และเทคโนโลยี
6. คุณสมบัติ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์
7. คุณภาพของบุคลากร
8. รีวิวจากผู้เข้ารับการรักษาจริง

1. สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของคลินิก

ที่ตั้งของคลินิก IVF อยู่ที่ไหน การเดินทางง่าย สะดวก ปลอดภัย และเหมาะสมกับตารางงานหรือชีวิตของคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ การทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความทุ่มเท เวลา และความมานะพยายามจากผู้เข้ารับการรักษา โดยเฉพาะในระยะแรกที่ต้องมีการกระตุ้นไข่และการติดตามผล จึงจำเป็นต้องมาพบคุณหมอตามนัดที่คลินิกค่อนข้างบ่อย

คลินิก IVF ที่ดีควรตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก เช่น หากคลินิกอยู่ในกรุงเทพฯ ควรเป็นทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรที่อาจทำให้การเดินทางล่าช้าหากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่  คลินิก Superior A.R.T. ของเราที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินเพียงแค่ 15 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตและห้างสรรพสินค้า Central Embassy

สำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่เดินทางมาจากต่างประเทศ การเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเริ่มการรักษา การกระตุ้นไข่ตั้งแต่วันแรกนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เนื่องจากต้องใช้เวลานานเกือบ 2 สัปดาห์ คลินิกของเราได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เราจึงมีเครือข่ายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการการรักษาภาวะมีบุตรยากในหลายประเทศ เพื่อประสานการรักษาร่วมกัน และเริ่มการรักษาเบื้องต้นที่ประเทศของผู้ป่วยเอง จากนั้นจึงเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจรักษาต่อเนื่องและเข้ากระบวนเก็บไข่ที่คลินิกของเรา ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เหลือเพียงแค่  4-8 วัน

นอกเหนือจากเรื่องการเดินทาง คุณควรลองแวะไปเยี่ยมชมคลินิกด้วยตนเอง เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของคลินิกโดยรวม ว่าทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย สบายใจ และที่คลินิกมีความสะอาดได้มาตรฐานหรือไม่ คุณรู้สึกผ่อนคลายระหว่างที่อยู่ในคลินิกไหม? ปัจจัยเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษา รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ และมีกำลังใจที่จะก้าวผ่านในแต่ละขั้นตอนของการทำเด็กหลอดแก้ว

2. บริการและความหลากหลายของการรักษา

เทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบัน แตกต่างจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วในอดีตมาก ด้วยสาเหตุการมีบุตรยาก และ/หรือปัจจัยทางพันธุกรรมต่างๆ ทั้งจากฝ่ายชายและหญิง การทำ IVF แบบเดิมอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องเพิ่มรูปแบบการรักษาหรือเทคนิคการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น ในกรณีที่ภาวะมีบุตรยากของผู้เข้ารับการรักษาอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง คุณหมอจะแนะนำให้ เริ่มการรักษาด้วยกระบวนการ IUI ก่อนที่จะก้าวไปสู่ IVF หรือในบางราย ก็อาจต้องทำ ICSI ในขั้นตอนการปฏิสนธิ แทนที่จะเป็นเพียงแค่กระบวนการ IVF หรือในกรณีฝ่ายชาย มีปัญหามากจำเป็นต้องเก็บอสุจิด้วยวิธี PES/TESE จำเป็นต้องใช้วิธี ICSI เพื่อช่วยปฏิสนธิ หรือแม้กระทั่งการใช้เทคนิค Sperm MACS หรือ pICSI ร่วมด้วย เพื่อคัดเลือกอสุจิที่ดีที่สุดมาผสมกับไข่ 

นอกจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วแล้ว ยังมีบริการเก็บไข่ ฝากไข่ และแช่แข็งไข่ (egg freezing) เพื่อเก็บรักษาและแช่แข็งไข่คุณภาพดีไว้ใช้ในอนาคต และการแช่แข็งตัวอ่อน (embryo freezing) เพื่อเก็บรักษาตัวอ่อนไว้ในอนาคต คลินิก IVF ที่ดีควรมีบริการ PGT หรือการตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการย้ายไปยังโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง ซึ่งถือเป็นการตรวจที่จำเป็นด้วยเหตุผลหลายประการ

กล่าวโดยสรุปก็คือ การมีบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่หลากหลาย บ่งบอกถึงความพร้อมของคลินิกที่สามารถรองรับทุกความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา และสามารถออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละคู่ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จการทำเด็กหลอดแก้วให้สูงขึ้นได้

3. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าของราคา

แม้หลาย ๆ คู่ที่ตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF จะทราบดีอยู่แล้วว่า การรักษามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ควรใช้เวลาศึกษาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและค้นหาคลินิกที่โปร่งใสในเรื่องราคาอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ คลินิกที่ดีควรมีแพ็กเกจรายการและราคาที่แน่นอน ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแอบแฝง คลินิกควรอธิบายเรื่องค่าใช้จ่ายและรายละเอียดของแพ็กเกจ และอาจมีการแนะนำการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม รายละเอียดของแพ็กเกจมักจะเข้าใจยากและสร้างความสับสนและเกิดความเข้าใจผิดได้ คลินิกที่ดีควรจะใส่ใจและใช้เวลาอธิบายถึงการรักษาและบริการอะไรบ้างที่รวม และไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจ

4. อัตราความสำเร็จ

คลินิกแทบทุกแห่งจะมีการเก็บสถิติของการรักษาไว้ และหากมีความโปร่งใส น่าเชื่อถือพอแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็ยินดีเปิดเผยข้อมูลและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำมาได้ดีเพียงใด การเลือกคลินิกที่มีอัตราความสำเร็จที่ดีย่อมดีกว่าการเลือกคลินิกที่มีประวัติความสำเร็จที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ดังที่ HFEA (Human Fertilization & Embryology Authority) กล่าวว่า “หากคุณกำลังเปรียบเทียบคลินิกตั้งแต่สองแห่งขึ้นไป คุณอาจต้องการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ (ราคา, สถานที่ตั้ง, การรีวิวจากคนไข้) ร่วมด้วย เพื่อคัดเลือกคลินิกที่ตรงตามความต้องการและความคาดหวังของคุณจริงๆ มากกว่าจะพิจารณาเพียงแค่ว่าคลินิกนั้นมีอัตราความสำเร็จสูง”

5. อุปกรณ์และเทคโนโลยี

อีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญที่มีผลต่อโอกาสความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว ก็คือการลงทุนนเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย

กุญแจสำคัญในปัจจัยนี้ไม่ใช่เพียงแค่ “ความล้ำหน้า” “ความล้ำสมัย” หรือ “ความล่าสุด” เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพและความเหมาะสมกับเคสการรักษาสำหรับคุณเอง คลินิก IVF หลายแห่งมักโปรโมตว่าเทคโนโลยีของพวกเขามีความล้ำสมัย แต่สิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจไม่แพ้ไปจากการทำงานและประสิทธิภาพหลักของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยี ก็คือคุณภาพและความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมอุปกรณ์

ที่ Superior A.R.T. เรามีห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อน อสุจิและพันธุศาสตร์ของเราเอง ดำเนินการด้วยมาตรฐานสากลสูงสุดในการควบคุมคุณภาพ เราเลือกใช้ Geri-Time-Lapse Incubator ในกระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งเป็นตู้เลี้ยงตัวอ่อนรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นระบบแยกเลี้ยงที่ติดตั้งกล้องจุลทรรศน์คุณภาพสูงไว้แต่ละห้องเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามพัฒนาการของตัวอ่อนได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องขยับจานเพาะเลี้ยงหรือตัวอ่อน โดยแต่ละห้องเพาะเลี้ยงจะได้รับการดูแล ควบคุมและตรวจสอบได้อย่างเป็นอิสระจากกัน โดยสามารถควบคุมและปรับสภาพแวดล้อมของแต่ละห้องให้เหมาะกับตัวอ่อนแต่ละตัวได้

ด้วยคุณสมบัติข้างต้น ตัวอ่อนสามารถเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีกว่าในสภาวะที่มีความเสถียรและปราศจากการรบกวน ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อให้ตัวอ่อนสามารถเติบโตจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ หรือระยะที่พร้อมต่อการย้ายกลับไปยังโพรงมดลูก

นอกเหนือจากการตรวจโครโมโซมตัวอ่อน ก่อนย้ายกลับมดลูก ที่ Superior A.R.T. ยังมีบริการ Karyomapping ซึ่งเป็นเทคนิคล่าสุดในการตรวจคัดกรองพันธุกรรมในระดับยีนเดี่ยวของตัวอ่อนในครอบครัวที่มีประวัติโรคพันธุกรรมในครอบครัว เพื่อเลือกตัวอ่อนที่ปราศจากโรคทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัว และยังมีบริการการตรวจความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ หรือ HLA Matching สำหรับครอบครัวที่ต้องมีการปลูกถ่ายไขกระดูก เพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง การใช้เทคนิค Karyomapping นั้น มีความแม่นยำสูง มีความน่าเชื่อถือมากกว่า 95% และสามารถร่นระยะเวลาของการตรวจคัดกรองให้เหลือเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากการทดสอบด้วย PGT-M อื่นที่มักจะใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ

6. คุณสมบัติ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์

คุณวุฒิและประสบการณ์ของแพทย์ในคลินิก IVF แต่ละแห่งย่อมถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญหลักในการตัดสินใจเลือกคลินิก IVF  แพทย์ของคลินิกมีความชำนาญและได้รับการฝึกอบรมในรักษาภาวะมีบุตรยากและการเจริญพันธุ์หรือไม่? แม้กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วอาจจะดูเหมือนมีกระบวนการรักษาเป็นขั้นเป็นตอนที่แน่นอน แต่ในสถานการณ์จริง อาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คลินิก IVF ที่ดีควรออกแบบแผนการรักษาเฉพาะแต่ละคู่สมรส ผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคนอาจตอบสนองต่อยากระตุ้นต่างกัน ดังนั้นกระบวนการกระตุ้นไข่และและการเก็บไข่จึงเป็นกระบวนการที่ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

การนัดหมายและพูดคุยกับแพทย์ด้วยตัวคุณเองจะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น การใช้เวลาสนทนาหรือรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่คลินิก ก็จะทำให้รู้สึกและสัมผัสได้ว่าคลินิกนี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่

7. คุณภาพของบุคลากร

นอกจากแพทย์แล้ว ทีมบุคลากรในคลินิกก็มีความสำคัญเช่นกัน คุณจะต้องใช้เวลาและอาจเรียกได้ว่า “ทำงานร่วมกับ” คลินิกเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ อาจมีคำถามและปัญหามากมายที่ต้องการให้ใครสักคนที่ไม่ใช่เพียงแค่แพทย์คอยช่วยเหลือ บุคลากรให้เวลาในการอธิบายหรือตอบคำถามของเราหรือไม่ พวกเขาสุภาพและให้ความช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด คุณรู้สึกสบายใจ หรือรู้สึกค่อนข้างเครียด หรือในกรณีที่แย่ที่สุดคือรู้สึกถูกละเลยหรือไม่

นักวิทยาศาสตร์มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมหรือไม่ มีการฝึกอบรมและวัดผลการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญห้องปฏิบัติการมีประสบการณ์ยาวนานเพียงใด มีบทความตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถบ่งบอกถึงประสบการณ์ดังกล่าวหรือเปล่า ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการแบ่งปันความรู้และการทดสอบการประกันคุณภาพหรือไม่?

8. รีวิวจากผู้เข้ารับการรักษาจริง

ในส่วนสุดท้าย แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะช่วยให้เราเห็นภาพบริการที่เรายังไม่เคยสัมผัสได้ดีไปกว่ารีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการแล้ว การพิจารณาปัจจัยนี้อาจเป็นเรื่องยากสักนิดหากคลินิกไม่มีการเปิดเผยหรือแสดงคำกล่าวรับรอง (testimonials) แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ก็คือการลองค้นคว้าและดูรีวิวของผู้เข้ารับการรักษาท่านอื่นๆ ในโลกออนไลน์หรือบนพื้นที่ Social Media  

แนะนำให้ลองเข้าไปดูที่หน้า Facebook ของคลินิก ว่ามีปฏิกิริยาอย่างไรที่โพสต์ของคลินิกหรือมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาของพวกเขาที่ผ่านมา คลินิก IVF ที่ดีและน่าเชื่อถือหลายแห่งมักจะแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้เวลาอ่าน พิจารณา และตัดสินใจได้ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักไว้ก็คือคำรีวิวดังกล่าวมักบอกเล่าจากประสบการณ์จากมุมมองส่วนบุคคล คุณจึงควรที่จะประเมินร่วมกับปัจจัยอื่นๆ อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะจากประสบการณ์ด้วยตัวคุณเอง โดยการประเมินแพทย์และคลินิกผ่านการพูดคุยโทรศัพท์หรือโดยการพบแพทย์ที่คลินิก

                    แม้การเลือกคลินิก IVF ที่ดีที่สุดอาจจะยังคงเป็นสิ่งที่ยากและละเอียดอ่อน แต่หากคำนึงและการพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น Superior A.R.T. เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะสามารถตัดสินใจเลือกคลินิก IVF ที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน

References

ข่าวสารและบทความอื่นๆ

ไลฟ์สไตล์ที่ปรับเปลี่ยน ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ในสังคมสมัยใหม่

รู้หรือไม่ว่า การมีบุตรยากกำลังเป็นภัยเงียบในสังคมยุคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรม และค่านิยมที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยุคปัจจุบัน

ถามหมอ 💬 กับหมอจิว : ปล่อยธรรมชาตินานแค่ไหน ถึงเข้าข่ายมีลูกยาก

เพราะระยะเวลาในการตั้งครรภ์ของคู่สมรสที่ปล่อยธรรมชาติ จะมีความแตกต่างกันไป หลายคนเกิดคำถามว่า ต้องพยายามมีลูกตามธรรมชาติมานานแค่ไหน ถึงจะถือว่าเข้าข่ายมีบุตรยาก?

ถามหมอ 💬 กับหมอนิ : เคยแท้งมาก่อน โอกาสมีลูกจะลดลงหรือไม่ ?

คุณหมอนิ พญ.นิศารัตน์ จะมาตอบข้อสงสัยให้ทุกท่านได้ทราบกัน สำหรับคุณแม่ที่เคยสูญเสียลูกน้อยจากการแท้งลูก อาจมีความกังวลใจว่าโอกาสในการมีลูกอีกครั้งจะยากขึ้นหรือไม่