ข่าวสารและบทความ

𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 𝐀.𝐑.𝐓. 𝐋𝐈𝐕𝐄 : 🅔🅟.50 ❝ มีบุตรยาก..ทำอย่างไรให้ท้อง ❞


มีบุตรยาก ทำอย่างไรให้ท้อง?” 


เนื้อหาในตอนนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่


1. การมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ

ปกติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้ ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะต้องมีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งด้านโครงสร้าง และด้านการทำงานที่ปกติ โดยฝ่ายชายจะต้องมีตัวอสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรง มีการสร้างอสุจิที่ปกติ รวมถึงการหลั่งออกมาภายนอกที่ปกติ ส่วนฝ่ายหญิงจะต้องมีฟองไข่ที่โต คุณภาพไข่ที่สมบูรณ์ ตกมารอการปฏิสนธิกับตัวอสุจิตรงบริเวณท่อนำไข่ ในผู้หญิงที่มีอายุมาก จำนวนฟองไข่จะน้อยลง คุณภาพอาจจะลดลง ซึ่งก็เป็นปัญหาหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้เช่นกัน


เกิดอะไรขึ้นเมื่อฟองไข่ตก?

หลังจากฟองไข่ตกตรงบริเวณท่อนำไข่ ฟองไข่จะมีอายุราวประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องมีตัวอสุจิ มาปฏิสนธิภายใน 24 ชั่วโมง โดยตัวอสุจิจะวิ่งจากช่องคลอดผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูก และวิ่งเข้าไปถึงบริเวณท่อนำไข่ ถ้าหากฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ไข่ตกพอดี ตัวอสุจิก็มีโอกาสที่จะมาปฏิสนธิกับฟองไข่ที่บริเวณท่อนำไข่ และจะเจริญพัฒนากลายเป็นตัวอ่อน จะเห็นได้ว่านอกจากฝ่ายหญิงจะต้องมีฟองไข่ที่สมบูรณ์แล้ว ท่อนำไข่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะตัวอสุจิจะต้องวิ่งมาปฏิสนธิกับฟองไข่ที่บริเวณท่อนำไข่

เมื่อมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ตัวอ่อนที่ปกติจะเดินทางเคลื่อนจากท่อนำไข่เพื่อย้ายไปฝังตัวในบริเวณโพรงมดลูก และเติบโตกลายเป็นทารกในครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์จนครบ 9 เดือน ก็จะคลอดออกมาเป็นเด็กน้อยที่แข็งแรง


จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อท้องธรรมชาติแล้วจะมีตัวอ่อนที่ปกติ?

หากตั้งครรภ์โดยวิธีธรรมชาติจะไม่สามารถทราบได้ ยกเว้นจะรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI จึงจะสามารถดูรูปร่างลักษณะและพัฒนาการของตัวอ่อนได้ภายในตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อน

จะเห็นได้ว่า การจะเกิดการตั้งครรภ์ต้องอาศัยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นตัวอสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรงของฝ่ายชาย การมีจำนวนอสุจิ การวิ่ง รูปร่างหน้าตา และความสามารถในการเจาะฟองไข่ที่ดี รวมถึงการมีฟองไข่ที่คุณภาพดีสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง มีการตกไข่ที่ปกติ ท่อนำไข่ไม่ตีบตัน ผนังโพรงมดลูกที่หนาดีและปกติ ไม่มีก้อนเนื้องอกหรือติ่งเนื้อที่ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน

ส่วนปัจจัยของเรื่องตัวอ่อน ก็ต้องเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์แข็งแรง รูปร่างลักษณะ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของตัวอ่อนสมบูรณ์ตามเกณฑ์ และมีโครโมโซมปกติ ก็จะมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นถ้าหากมีการฝังตัวที่ดี


เมื่อตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ทำไมถึงแท้งหรือท้องนอกมดลูก อะไรคือการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก?

  • การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก เป็นความผิดปกติในการปฏิสนธิของฟองไข่ที่ไม่มีจำนวนชุดโครโมโซมกับตัวอสุจิที่มีโครโมโซมปกติ
  • ท้องนอกมดลูก คือ ตัวอ่อนที่ควรจะเลื่อนตัวมาฝังบริเวณโพรงมดลูก กลับไปฝังบริเวณอื่น เช่น ฝังที่ท่อนำไข่ ซึ่งทำให้เกิดท้องนอกมดลูก
  • การแท้ง คือ การที่ตัวอ่อนฝังในบริเวณโพรงมดลูกปกติ แต่อาจจะยึดเกาะไม่ดี หรืออาจจะมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ตัวอ่อนไม่สมบูรณ์ มีโครโมโซมผิดปกติ รวมถึงฮอร์โมนอื่นๆ ที่สนับสนุนการฝังตัวมีความผิดปกติ

ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งมีงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องอัตราการตั้งครรภ์ของผู้หญิงในอายุที่แตกต่างกันไป แสดงให้เห็นว่าเมื่ออายุที่มากขึ้น โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อยลง หากอายุประมาณ 20-30 ปี ไม่เกิน 35 ปี โอกาสตั้งครรภ์ก็จะสูงกว่า ซึ่งในแต่ละรอบเดือน โอกาสตั้งครรภ์ของผู้หญิงในแต่ละช่วงอายุก็จะแตกต่างกันไป โดยเปอร์เซ็นต์การตั้งครรภ์ก็จะลดลงตามอายุ

  • อายุ 20-30 ปี หรือไม่เกิน 35 ปี โอกาสตั้งครรภ์ในแต่ละรอบเดือนอยู่ที่ประมาณ 20%
  • อายุ 35 ปี โอกาสตั้งครรภ์ในแต่ละรอบเดือนอยู่ที่ประมาณ 10%
  • อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสตั้งครรภ์ในแต่ละรอบเดือนอยู่ที่ประมาณ 5%

อย่างไรก็ตาม ในคู่สมรสที่ไม่ได้คุมกำเนิด และมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่ภายใน 3 เดือนแรกมีโอกาสตั้งครรภ์ 50 คู่ จาก 100 คู่ และใน 1 ปีมีโอกาสตั้งครรภ์ 85 คู่ จาก 100 คู่


หากปล่อยธรรมชาติแต่ยังไม่มีลูก ต้องรอต่อไปอีกนานแค่ไหนถึงควรปรึกษาคุณหมอ?

ในคู่สมรสที่อยากมีบุตร และมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ โดยไม่ได้คุมกำเนิดเป็นเวลา 1 ปีแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพราะอาจจะเข้าข่ายมีภาวะมีบุตรยาก แต่ในกรณีที่อายุมากไม่จำเป็นต้องรอนานถึง 1 ปีก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ หรืออาจจะไม่ได้มีภาวะมีบุตรยาก แต่กำลังวางแผนจะมีบุตร ก็แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมทำให้ตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้นหรือตามแผนที่วางไว้ ซึ่งก็คือการวางแผนร่วมกันกับแพทย์ โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาก็ได้


เมื่อไหร่ที่ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอ?

  • มีภาวะมีบุตรยาก
  • พร้อมวางแผนมีบุตร
  • คู่สมรสที่มีโรคบางอย่างหรือมีแนวโน้มมีบุตรยาก เช่น ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีก้อนเนื้องอกมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ หรือผู้ชายที่เคยผ่านการผ่าตัดเส้นเลือดขอดบริเวณอัณฑะ หรือที่กินยาบางชนิดที่กดฮอร์โมนเพศชาย เช่น ยารักษาผมร่วง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำเชื้อมีจำนวนตัวอสุจิน้อย

แนะนำให้นัดคุณหมอเพื่อรับคำปรึกษาการมีบุตร โดยอาจยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เพราะสาเหตุที่ทำให้แต่ละคู่มีบุตรยากอาจจะไม่เหมือนกัน การเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอเป็นการช่วยกันหาสาเหตุและหาวิธีปรับพฤติกรรมที่อาจจะเป็นปัจจัยของภาวะมีบุตรยากในอนาคต ทำให้การวางแผนมีบุตรง่ายขึ้นและเร็วขึ้น


วิธีเตรียมตัวหรือการปฏิบัติตัวเมื่อพร้อมมีบุตร สำหรับคุณแม่ที่อยากท้องด้วยวิธีธรรมชาติ

  • ต้องวางแผนร่วมกันว่าเมื่อไหร่จะพร้อมมีบุตร

ซึ่งคุณหมอแนะนำว่าให้พร้อมมีบุตรที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้ เพราะการมีบุตรเมื่ออายุมากขึ้น ปัจจัยเรื่องฟองไข่ของผู้หญิง ทั้งเรื่องปริมาณ คุณภาพ จะลดลงอย่างชัดเจน

  • เมื่อพร้อมแล้วแนะนำวางแผนเพื่อจะมีบุตร

แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพื่อพูดคุยกัน เพื่อลดปัจจัยที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้มีบุตรยากในอนาคต เช่น

  • ฝ่ายชายที่กินยารักษาโรคผมร่วง อาจจะต้องหยุดกินยา เพื่อให้อัณฑะกลับมาทำงาน หรืออสุจิจะกลับมาอยู่ในระดับปกติ
  • ฝ่ายหญิงที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ มีภาวะอ้วน หรือมีภาวะ PCOS ซึ่งน้ำหนักหรือไขมันใน ร่างกาย อาจจะมีผลทำให้มีภาวะไข่ไม่ตก หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ โดยปรึกษากับคุณหมอ เพื่อทำการรักษา ควบคุมอาหารและน้ำหนัก เพื่อลดความเสี่ยงการมีบุตรยากในอนาคต

สำหรับฝ่ายหญิงที่ไม่เคยตรวจภายใน อาจจะต้องเข้ามา Check-up ก่อน เพื่อหาสาเหตุว่ามีโรคอะไรที่อาจจะทำให้มีบุตรยากในอนาคตหรือไม่ บางท่านอาจจะพบว่ามีช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งอาจจะต้องได้รับการผ่าตัดก่อน ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกัน เพื่อจะมีบุตรได้ในเวลาที่พร้อม และอาจจะมีเองตามธรรมชาติได้

  • สังเกตว่าประจำเดือนมาสม่ำเสมอหรือไม่

โดยคุณหมอแนะนำให้จดบันทึกประจำเดือนย้อนหลัง ประมาณ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อดูว่าการทำงานของรังไข่ในแต่ละรอบเดือนสม่ำเสมอหรือไม่ จะทำให้คุณหมอจะรู้ได้ง่ายขึ้นว่าสาเหตุใดที่อาจจะทำให้มีบุตรยากในตอนนี้หรือในอนาคต อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไร หรือหาสาเหตุว่าภาวะประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเกิดจากอะไร โดยสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอที่พบเจอได้บ่อยคือ

  • ภาวะ PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งจะมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ มีการทำงานของฮอร์โมนเพศชายที่เด่น ไม่ว่าจะเป็น สิว หน้ามัน ขนดก
  • อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ คือภาวะการหลั่งน้ำนมหรือฮอร์โมนโพรแลคติน (Prolactin) ที่สูง ซึ่งผู้หญิงบางท่านอาจจะมีน้ำนมไหลโดยที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือไม่ได้ให้นมบุตร ขณะเดียวกันผู้หญิงบางท่าน แม้ว่าจะไม่มีน้ำนมไหล แต่ค่าฮอร์โมนโพรแลคตินก็อาจจะสูงได้ ซึ่งจะทำให้รังไข่ทำงานไม่ดี และเกิดภาวะไข่ไม่ตกตามมา
  • ส่วนปัจจัยอื่นที่อาจจะทำให้ไข่ไม่ตก คือโรคไทรอยด์ หากเป็นน้อยๆ อาจจะไม่มีอาการใดๆ โดยฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนการหลั่งน้ำนมสามารถตรวจดูได้ด้วยการเจาะเลือด
  • การนับวันไข่ตก

เช่น การดูวันไข่ตกในแอปพลิเคชั่นที่จะบอกว่าไข่ตกวันไหน โดยจะใช้การคาดคะเนจากรอบเดือนในอดีต แต่คุณหมออาจจะแนะนำให้ตรวจฮอร์โมนไข่ตก ซึ่งเป็นการตรวจที่แม่นยำกว่าการใช้แอปพลิเคชั่น โดยการตรวจชุด LH Test เป็นการตรวจฮอร์โมนในร่างกาย ณ รอบประจำเดือนนั้นว่าไข่น่าจะตกประมาณวันไหน ซึ่งเมื่อไข่ตกจะอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อรอตัวอสุจิมาปฏิสนธิ ดังนั้นก็จะต้องมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันที่ไข่ตก หรือภายหลังไข่ตกไม่เกิน 24 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์

  • การมีเพศสัมพันธ์

ในฝ่ายหญิงที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีการตรวจ LH Test แล้วไข่ตกทุกเดือน หากมีเพศสัมพันธ์ในวันไข่ตก โอกาสตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้นตามเปอร์เซ็นต์ในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งหากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ที่สม่ำเสมอ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดน้อยลง ที่สำคัญก็คือ หลังมีเพศสัมพันธ์ คุณหมอจะแนะนำให้ฝ่ายหญิงนอนและยกสะโพกให้สูง ไม่ลุกทันที และไม่สวนล้างช่องคลอด เพื่อที่ตัวอสุจิจะได้ขังอยู่ในบริเวณปากมดลูกและมีโอกาสวิ่งผ่านปากมดลูกเข้าไปด้านในให้มากที่สุด โดยตัวอสุจิจะอยู่ในอุ้งเชิงกรานฝ่ายหญิงได้ประมาณ 2-3 วัน หรือหากไม่ทราบวันไข่ตก อาจจะต้องมีเพศสัมพันธ์ถี่ขึ้น ทุกๆ 2-3 วัน แต่หากถี่เกินไปก็อาจจะไม่ดี เพราะเมื่อปล่อยอสุจิออกไปแล้ว ฝ่ายชายต้องใช้เวลาในการสร้างและลำเลียงเชื้ออสุจิออกมาใหม่

  • การปฏิบัติตัว 3 ดี และ 3 งด

3 ดี คือ

  • กินอาหารดี มีประโยชน์ กินอาหารที่มีโปรตีนสูง กินผักผลไม้ รวมถึงวิตามิน และอาหารเสริมต่างๆ
  • แข็งแรงดี โดยการออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ ไม่ให้มีไขมันเยอะเกินไป ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
  • นอนดี พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ตามเวลาที่ Growth Hormone หลั่ง ซึ่งมีผลต่อการสร้างฟองไข่ที่ดี

3 งด คือ

  • งดดื่มแอลกอฮอล์
  • งดสูบบุหรี่
  • งดหวาน หากกินหวานเกินไป อาจมีผลทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของฟองไข่

2. การรักษาภาวะมีบุตรยาก

เมื่อเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุการมีบุตรยาก คุณหมอจะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการสืบค้น เช่น ทำอัลตราซาวน์เพื่อดูมดลูกและรังไข่ การเจาะเลือดตรวจฮอร์โมนเพื่อดูการทำงานของรังไข่

โดยมีอีกหนึ่งทางเลือกในการมีบุตรแบบผสมผสานด้วยวิธีธรรมชาติพร้อมกับการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งคุณหมอจะช่วยตรวจเรื่องการตกไข่ และรักษาเรื่องไข่ไม่โตหรือไข่ไม่ตก ด้วยการจ่ายยาฮอร์โมนช่วยกระตุ้นให้ฟองไข่โต พร้อมกับทำอัลตราซาวน์เพื่อตรวจดูวันที่ฟองไข่โต และจะฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก หลังจากนั้นจะนัดวันให้คนไข้ไปมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีธรรมชาติได้

สำหรับการรักษาภาวะมีบุตรยากจะมี 2 วิธีหลักๆ ได้แก่

1) IUI กระบวนการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก

การทำ IUI จะเริ่มจากการกินยากระตุ้นไข่ อัลตราซาวด์ดูฟองไข่ และฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก โดยเมื่อถึงวันที่ไข่ตกคุณหมอจะนัดมาฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก แทนการไปมีเพศสัมพันธ์เอง ซึ่งวิธีนี้เป็นการเลียนแบบธรรมชาติ เพราะมีการปฏิสนธิภายในร่างกาย โดยอัตราความสำเร็จจะอยู่ที่ราวๆ 10-15% ต่อรอบการรักษา

ข้อดีของกระบวนการนี้ คือมีฟองไข่ที่โต และตกมารออสุจิบริเวณท่อนำไข่ และแทนที่จะให้ตัวอสุจิวิ่งเข้าไปในโพรงมดลูกเอง ซึ่งอาจจะมีการติดมูกที่อยู่ตรงปากมดลูก ทำให้มีจำนวนอสุจิเข้าไปน้อยลง ก็จะเป็นการฉีดน้ำเชื้อโดยการสอดสายเข้าไปในโพรงมดลูก ตัวอสุจิจะวิ่งระยะทางสั้นลง แล้วมาเจอฟองไข่ในวันที่ไข่ตก ทำให้เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าแบบธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายหญิงมีประวัติท่อนำไข่ตัน ตัวอสุจิก็ไม่สามารถวิ่งไปเจอฟองไข่ได้ ดังนั้นก็จะไม่เกิดการปฏิสนธิและจะไม่เกิดการตั้งครรภ์ หากต้องการใช้วิธีนี้ก็ต้องมั่นใจก่อนว่าท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างตันหรือไม่

การทำ IUI จึงถูกใช้ในการรักษาคนไข้ที่มีข้อบ่งชี้ที่สามารถทำได้ เช่น ฝ่ายหญิงอาจจะมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายชาย อาจจะมีอาการเจ็บหรือกลัวการมีเพศสัมพันธ์ การมาฉีดเชื้อโดยใส่สายเล็กๆ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หรือฝ่ายชายที่มีการตรวจน้ำเชื้อแล้ว พบความผิดปกติของอสุจิเพียงเล็กน้อย ก็สามารถรักษาด้วยวิธี IUI ได้

ส่วนคู่สมรสที่ไม่เหมาะจะทำ IUI คือ มีท่อนำไข่ตัน และผู้ที่ต้องการบุตรที่ไม่มีโรคทางพันธุกรรม เพราะบางท่านอาจจะมีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัว และจำเป็นต้องการมีบุตรที่ไม่เป็นโรคทางพันธุกรรมนั้นๆ ซึ่งวิธี IUI จะไม่สามารถตรวจได้ว่าตัวอ่อนผิดปกติหรือไม่ มีโรคทางพันธุกรรมหรือไม่ จะต้องรักษาโดยใช้วิธี ICSI ร่วมกับการตรวจพันธุกรรมก่อนที่จะใส่ตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเท่านั้น

2) การทำ IVF/ICSI หรือทำเด็กหลอดแก้ว

ในปัจจุบัน กระบวนการทำ IVF ได้รับความนิยมน้อยกว่าวิธี ICSI เนื่องจาก ICSI ประสบความสำเร็จมากกว่า โดยวิธี IVF จะเป็นการนำอสุจิหลายตัวมาวางในจานเพาะเลี้ยงเพื่อให้เข้าไปปฏิสนธิกับไข่ 1 ฟอง ในขณะที่วิธี ICSI จะเป็นการเลือกตัวอสุจิ 1 ตัวและฉีดเข้าไปในฟองไข่โดยตรงเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งวิธีนี้ไม่ว่าฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายจะมีความผิดปกติในเรื่องไหน เช่น ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ที่ตันทั้ง 2 ข้าง มีช็อกโกแลตซีสต์ หรือฝ่ายชายมีอสุจิที่ผิดปกติ มีจำนวนน้อยมากๆ ก็สามารถรักษาด้วยวิธี ICSI ได้

โดยอัตราความสำเร็จจะอยู่ที่ราวๆ 40-50% ต่อรอบการรักษา แต่หากมีการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนร่วมด้วยแล้วผลออกมาปกติ อัตราความสำเร็จจะสูงขึ้นถึง 60-70% ต่อรอบการรักษา

ขั้นตอนการทำ ICSI เริ่มจากการกระตุ้นไข่โดยการฉีดยา เพื่อให้ฟองไข่โตไปพร้อมๆ กัน ส่วนใหญ่จะฉีดยาประมาณ 10-12 วัน หลังจากนั้นจะมีการเก็บไข่ เจาะฟองไข่มาปฏิสนธิกับอสุจิ ดังนั้นจะมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นแน่นอน และเมื่อตัวอ่อนเจริญพัฒนาขึ้น เราก็สามารถดูรูปร่างลักษณะและพัฒนาการของตัวอ่อนได้ภายในตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อน รวมถึงสามารถนำเซลล์บางส่วนไปตรวจโรคทางพันธุกรรมได้ ก่อนย้ายตัวอ่อนมาวางและฝังในโพรงมดลูก หลังจากนั้นก็จะเจาะเลือดเพื่อดูการตั้งครรภ์

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีท่อนำไข่ตันทั้ง 2 ข้าง หรือในกรณีที่การทำงานของรังไข่น้อย มีจำนวนฟองไข่เหลือน้อย หรือมีอายุมาก หากเลือกรักษาด้วยวิธี IUI ทุกรอบเดือน อัตราความสำเร็จอาจจะต่ำ การทำงานของรังไข่ก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ แนะนำตรวจดูค่าฮอร์โมน AMH เพื่อดูการทำงานของรังไข่ ว่ามีฟองไข่เหลือมากหรือน้อย ควรจะรีบหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่จำนวนไข่เหลือน้อยหรือมีอายุมาก อาจจำเป็นต้องเร่งรีบในการรักษาด้วยวิธี ICSI มากกว่าด้วยวิธี IUI (ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AMH : 𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 𝐀.𝐑.𝐓. 𝐋𝐈𝐕𝐄: 🅔🅟.49 ❝AMH ต่ำ ทำอย่างไรดี❞) รวมถึงฝ่ายชายที่มีเชื้ออสุจิผิดปกติมาก การทำ ICSI จะช่วยคัดเลือกอสุจิตัวที่แข็งแรงมาปฏิสนธิกับฟองไข่เพื่อเป็นตัวอ่อนนั่นเอง

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่มีข้อสงสัยหรือสนใจแพ็กเกจต่างๆ ของ Superior A.R.T. สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอได้ทุกวันนะคะ

ข่าวสารและบทความอื่นๆ

𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 𝐀.𝐑.𝐓. 𝐋𝐈𝐕𝐄 : 🅔🅟.49 ❝ AMH ต่ำ ทำอย่างไรดี ❞

AMH คืออะไร, ใครที่ควรตรวจ AMH, ค่า AMH ที่ดีและไม่ดีคือเท่าไหร่, และสัมพันธ์กับคุณภาพของไข่หรือไม่, หากค่า AMH ต่ำ ต้องทำอย่างไร

Happy Chinese New Year เตรียมพร้อมเป็นคุณพ่อคุณแม่ของ #เด็กปีงูเล็ก

อยากได้เบบี๋ปีงูเล็ก ควรเตรียมตั้งครรภ์ภายในเดือนเมษายน ลักษณะนิสัยของเด็กปีงูเล็ก จะมีความจำเป็นเลิศ มีอารมณ์ขัน ไหวพริบดี ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ จิตใจเด็ดเดี่ยว ขยัน อดทน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น

Embryo Glue และ MSS เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างไร

Embryo Glue เป็นน้ำยาที่ใช้ในการย้ายตัวอ่อน ส่วน MSS (Microfluidic Sperm Sorting) คือการเทคนิคการคัดกรองสเปิร์มแบบใหม่แล้ว 2 อย่างนี้ สามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างไร