
การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) เป็นวิธีที่ช่วยคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนหลังจากการทำ IVF/ICSI ก่อนจะนำกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งทำให้สามารถเลือกตัวอ่อนที่มีโอกาสเจริญเติบโตเป็นทารกที่แข็งแรงได้ อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงการแท้งบุตร และช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย
แต่หลายคนยังกังวลว่า การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) อาจทำให้ตัวอ่อนเสียหายหรือส่งผลต่อการฝังตัว วันนี้ Superior A.R.T. จะมาพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ
- การทำ PGT คือการเก็บตัวอย่างเซลล์ที่ในอนาคตจะพัฒนาไปเป็นรกมาตรวจ โดยจะทำในช่วงที่ตัวอ่อนอายุได้ 5-7 วัน การเก็บตัวอย่างเซลล์จึงต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำและอ่อนโยนที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงต่อโครงสร้างและพัฒนาการของตัวอ่อน
- PGT ช่วยคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดและมีโอกาสฝังตัวได้ดีขึ้น ช่วยคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม ลดความเสี่ยงของการแท้งและเพิ่มอัตราความสำเร็จของ IVF/ICSI
- มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของตัวอ่อน มากกว่าการทำ PGT
สรุปแล้ว การตรวจ PGT ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพและการพัฒนาการของตัวอ่อน หากทำโดยนักพันธุศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความแม่นยำในการทำงานสูง อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสของการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย ลดโอกาสการส่งถ่ายโรคทางพันธุกรรม และลดความเสี่ยงของภาวะแท้งในคู่ที่ทำ IVF/ICSI อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ก่อนตัดสินใจทำ
ข่าวสารและบทความอื่นๆ

