ข่าวสารและบทความ

ไขทุกข้อสงสัย : เด็กหลอดแก้วคืออะไร มีข้อดี ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

การทำ “เด็กหลอดแก้ว” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มอบความหวังให้คู่สมรสจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วเป็นอย่างไร การทำเด็กหลอดแก้ว ข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง? ค่าใช้จ่ายสูงจริงหรือไม่ รวมถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพและความฉลาดของเด็กหลอดแก้ว บทความนี้ได้รวบรวมคำตอบไว้อย่างครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจถึงกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วอย่างละเอียดและรอบด้าน


เด็กหลอดแก้วคืออะไร

เด็กหลอดแก้ว ภาษาอังกฤษ คือ “Test-tube baby” คือคำที่ใช้เรียกเทคนิคการช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ที่ช่วยให้คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยากมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้น โดยเทคนิคนี้ไม่ได้หมายถึงการสร้างเด็กในหลอดแก้วอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็นกระบวนการที่นำไข่และอสุจิมาผสมกันภายนอกร่างกาย โดยวิธีการทำเด็กหลอดแก้วที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ IVF และ ICSI

เด็กหลอดแก้วเกิดจากอะไร

เด็กหลอดแก้วเกิดจากการนำไข่ของฝ่ายหญิง และอสุจิของฝ่ายชาย มาผสมกันภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ เมื่อไข่กับอสุจิผสมกันจนเกิดการปฏิสนธิและกลายเป็นตัวอ่อน แพทย์จะย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป


การทําเด็กหลอดแก้ว ทำยังไง

กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ แบ่งออกเป็นขั้นตอนหลัก ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: การปรึกษาแพทย์และเตรียมความพร้อม

ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยาก เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเบื้องต้น ฝ่ายหญิงจะได้รับการตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อประเมินสภาพรังไข่และมดลูก ขณะที่ฝ่ายชายจะตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อ เพื่อประเมินจำนวน ความแข็งแรง และรูปร่างของอสุจิ จากนั้นแพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 2: การกระตุ้นไข่

จุดประสงค์ในขั้นตอนนี้เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่คุณภาพดีจำนวนหลายใบในรอบเดือนนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้ตัวอ่อนที่แข็งแรง โดยฝ่ายหญิงจะต้องฉีดยาฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไข่ ที่หน้าท้องทุกวัน เป็นระยะเวลาประมาณ 8-12 วัน ระหว่างนี้ต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลด้วยการทำอัลตราซาวด์และตรวจเลือดเป็นระยะ เพื่อดูการเจริญเติบโตของฟองไข่ และปรับขนาดยาให้เหมาะสม

เมื่อฟองไข่โตถึงขนาดที่เหมาะสม แพทย์จะให้ฉีดยาให้ไข่ตก (Trigger Shot) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บไข่ในอีก 34-36 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 3: การเก็บไข่

เป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที โดยฝ่ายหญิงจะได้รับยาสลบเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กที่ติดกับหัวอัลตราซาวด์สอดผ่านทางช่องคลอด แล้วเจาะดูดของเหลวพร้อมกับไข่ออกมาจากฟองไข่ในรังไข่ทีละใบ หลังจากเก็บไข่ อาจมีอาการหน่วงที่ท้องน้อย หรือมีเลือดออกเล็กน้อย ซึ่งมักหายได้เองใน 1-2 วัน

ขั้นตอนที่ 4: การเก็บอสุจิและการปฏิสนธิ

ในวันเดียวกันกับการเก็บไข่ ฝ่ายชายจะเก็บน้ำเชื้อ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จะทำการ “ปั่นล้าง” เพื่อคัดเอาเฉพาะตัวอสุจิที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดมาทำการปฏิสนธิ (Fertilization) ซึ่งมี 2 วิธีหลักคือ IVF กับ ICSI

วิธีการทำเด็กหลอดแก้ว IVF กับ ICSI ต่างกันอย่างไร?

  • การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF: เป็นการนำไข่มาวางในจานเพาะเลี้ยงพร้อมกับอสุจิจำนวนหนึ่ง แล้วปล่อยให้อสุจิปฏิสนธิกับไข่เองตามธรรมชาติจนได้เป็นตัวอ่อนเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงต่อ โดยกระบวนการนี้จะจำลองการปฏิสนธิตามธรรมชาติแต่จะเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ
  • การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI หรือ “อิ๊กซี่: เป็นวิธีที่ก้าวหน้ากว่า โดยนักวิทยาศาสตร์จะคัดเลือกอสุจิคุณภาพดีหนึ่งตัว แล้วฉีดเข้าไปโดยตรงใน ไซโตพลาสซึมของไข่แต่ละใบ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาคุณภาพอสุจิที่น้อยกว่าค่ามาตรฐาน เช่น จำนวนอสุจิน้อย หรือมีอสุจิที่เคลื่อนไหวผิดปกติ

ขั้นตอนที่ 5: การเลี้ยงตัวอ่อน

หลังจากปฏิสนธิไม่ว่าจะด้วยวิธีใดข้างต้น ตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดประมาณ 5-6 วัน จนกลายเป็นตัวอ่อนระยะ Blastocyst จึงคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดเพื่อย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก หลังจากนั้นจะรอให้ตัวอ่อนฝังตัวตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นทารกในครรภ์ต่อไป

ขั้นตอนที่ 6: การย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูก

เป็นขั้นตอนที่ไม่เจ็บและไม่ต้องใช้ยาสลบ แพทย์จะเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงและมีคุณภาพดีที่สุดประมาณ 1-2 ตัว และใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็ก (Catheter) สอดผ่านปากมดลูก เพื่อนำตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก หลังย้ายตัวอ่อน ให้นอนพักสักครู่ แล้วจึงกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก

ขั้นตอนที่ 7: หลังการย้ายตัวอ่อน

ฝ่ายหญิงจะได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (แบบสอด ฉีด หรือรับประทาน) เพื่อช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน เมื่อครบ 7-14 วันหลังย้ายตัวอ่อน แพทย์จะนัดตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน HCG ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันการตั้งครรภ์

หลังจากการปฏิสนธิไม่ว่าจะด้วยวิธีใดข้างต้น ตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดประมาณ 5-6 วัน จนกลายเป็นตัวอ่อนระยะ Blastocyst ก่อนที่จะคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดเพื่อย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกของผู้หญิง หลังจากนั้นจะรอให้ตัวอ่อนฝังตัวตามธรรมชาติและพัฒนาต่อไปเป็นทารกในครรภ์


เด็กหลอดแก้ว ราคา ค่าใช้จ่าย เท่าไร

ค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วจะแตกต่างกันไปตามแผนการรักษาและปัจจัยหลายประการ เช่น

  • ค่ายากระตุ้นไข่และค่าเวชภัณฑ์
  • ค่าเก็บไข่และการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ
  • ค่าแช่แข็ง เก็บรักษา และละลายตัวอ่อน
  • ค่าตรวจคัดกรองตัวอ่อน (เช่น PGT-A เพื่อคัดเลือกตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติ)
  • ค่าเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการฝังตัว
  • ค่าย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก

โดยทั่วไป การทำเด็กหลอดแก้ว ค่าใช้จ่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 200,000 – 500,000 บาทต่อรอบ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่แพทย์วางแผนให้เหมาะกับแต่ละคู่สมรส


เด็กหลอดแก้วแฝด ราคา ค่าใช้จ่าย เท่าไร

โดยทั่วไปแล้ว ราคาการทำเด็กหลอดแก้วแฝดไม่ได้แตกต่างจากการทำเด็กหลอดแก้วปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะคิดเป็นต่อหนึ่งรอบการรักษา ซึ่งจะเท่ากันไม่ว่าผลลัพธ์จะได้ลูกคนเดียว ลูกแฝด หรือไม่ตั้งครรภ์ก็ตาม 

การตั้งครรภ์เด็กหลอดแก้ว แฝด เกิดขึ้นได้จาก 2 กรณีหลัก คือ การย้ายตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัว เนื่องจากในอดีต แพทย์มักจะย้ายตัวอ่อนกลับเข้าโพรงมดลูกครั้งละ 2-3 ตัวเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ หากตัวอ่อน 2 ตัวฝังตัวและเจริญเติบโตพร้อมกัน ทำให้เกิดลูกแฝดแบบ “แฝดเทียม” อีกกรณีหนึ่งคือ การย้ายตัวอ่อน 1 ตัว แต่ตัวอ่อนแบ่งตัวเป็น 2 ตัวโดยธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็น “แฝดแท้” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมหรือกำหนดได้


เด็กหลอดแก้ว ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งคู่รักควรทำความเข้าใจอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการรักษา

เด็กหลอดแก้ว ข้อดี มีอะไรบ้าง

  • 1. โอกาสสำเร็จสูงสุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น:
  • การทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีอื่น จึงมักเป็นทางเลือกสุดท้ายและเป็นความหวังของหลายคู่
  • 2. แก้ปัญหาการมีบุตรยากได้หลายสาเหตุ:
  • ท่อนำไข่อุดตัน: เป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้หญิงที่มีท่อนำไข่อุดตันทั้งสองข้างตั้งครรภ์ได้
  • ปัญหาอสุจิที่รุนแรง: ใช้วิธีอิ๊กซี่ (ICSI) คัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวแล้วฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอสุจิน้อยหรือคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์ 
  • 3. คัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรม:
  • สามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อน (PGT) ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ลดความเสี่ยงการแท้งบุตรจากความผิดปกติของโครโมโซม หรือโรคพันธุกรรม  และเพิ่มโอกาสได้ทารกที่แข็งแรงสมบูรณ์ เหมาะกับฝ่ายหญิงที่อายุมากหรือมีประวัติแท้งซ้ำซาก
  • 4. วางแผนครอบครัวในอนาคตได้:
  • หากได้ตัวอ่อนที่แข็งแรงหลายตัว สามารถแช่แข็งตัวอ่อนเก็บไว้เพื่อนำมาใช้ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป โดยไม่ต้องกระตุ้นไข่และเก็บไข่ใหม่
  • 5. เพิ่มทางเลือกอื่น:
  • สำหรับคู่ที่ไม่สามารถใช้ไข่หรืออสุจิของตัวเองได้ การทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการสำคัญที่จะทำให้มีบุตรได้โดยการใช้ไข่หรืออสุจิบริจาค

เด็กหลอดแก้ว ข้อเสีย มีอะไรบ้าง

  • 1. ค่าใช้จ่ายสูง:
  • ราคาทำเด็กหลอดแก้วต่อ 1 รอบการรักษามีตั้งแต่หลักแสนถึงหลายแสนบาท และไม่มีการรับประกันว่าจะสำเร็จในครั้งแรก อาจต้องทำซ้ำหลายรอบ ทำให้มีค่าใช้จ่ายรวม
  • 2. ผลกระทบของการทำเด็กหลอดแก้วที่อาจเกิดขึ้น:
  • โดยทั่วไป การทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการที่ปลอดภัย แต่ก็มีผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น
  • ผลข้างเคียงจากยากระตุ้นไข่ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง คัดตึงเต้านม อารมณ์แปรปรวน
  • Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS) ภาวะที่รังไข่ตอบสนองต่อยามากเกินไป ทำให้มีอาการท้องอืด คลื่นไส้ หรือในกรณีรุนแรงอาจมีน้ำในช่องท้อง
  • โอกาสตั้งครรภ์แฝด โดยเฉพาะหากฝังตัวอ่อนมากกว่าหนึ่งตัว ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
  • ความเครียดทางอารมณ์และจิตใจ  กระบวนการรักษาอาจสร้างแรงกดดันและความกังวลให้กับคู่รัก โดยเฉพาะเมื่อผลไม่เป็นไปตามคาดหวัง
  • 3. ไม่มีการรับประกันความสำเร็จ 100%:
  • อัตราความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของฝ่ายหญิง, คุณภาพของไข่และอสุจิ, ความสมบูรณ์ของตัวอ่อน และความพร้อมของโพรงมดลูก การที่รอบการรักษาไม่ประสบความสำเร็จอาจทำให้รู้สึกเสียใจและท้อแท้
  • 4. ประเด็นทางจริยธรรม:
  • สำหรับบางคู่ อาจมีข้อกังวลทางจริยธรรมเกี่ยวกับตัวอ่อนที่ไม่ได้ถูกใช้ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป

เด็กหลอดแก้ว

การทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI เป็นวิธีเดียวสำหรับผู้มีบุตรยากที่ต้องการตั้งครรภ์จริงหรือไม่

การรักษาภาวะมีบุตรยาก ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว สามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความเหมาะสมของแต่ละคู่ เช่น การใช้ยากระตุ้นไข่ เพื่อให้ไข่ตกสม่ำเสมอ เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หรือใช้วิธี IUI ซึ่งการทำ IUI เป็นการฉีดเชื้ออสุจิที่ผ่านการคัดตัวที่แข็งแรงเข้าสู่โพรงมดลูกในช่วงไข่ตกหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก แต่หากทั้งสองวิธีนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF/ICSI จึงเป็นอีกทางเลือกที่มีโอกาสสำเร็จสูงกว่า


เด็กหลอดแก้ว แข็งแรงไหม

จากความเชื่อทั่วไปที่เชื่อว่า ทารกที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วจะไม่แข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป หรือ เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือความพิการ ความจริงก็คือ เด็กที่เกิดจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว มีความแข็งแรงสมบูรณ์ไม่ต่างกับกับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติ เพราะทั้งวิธี IVF และ ICSI จะเลือกไข่ที่แข็งแรงและอสุจิที่สมบูรณ์มาปฏิสนธิกัน และหากมีการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวร่วมด้วย จะคัดเลือกตัวอ่อนที่มีโครงสร้างโครโมโซมปกติ ลดความเสี่ยงภาวะดาวน์ซินโดรม และความผิดปกติทางพันธุกรรม และช่วยลดโอกาสการแท้งได้มากกว่าการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ


เด็กหลอดแก้วฉลาดไหม

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเด็กหลอดแก้วฉลาดมากกว่าหรือน้อยกว่าเด็กที่เกิดตามธรรมชาติ เนื่องจากสติปัญญาของเด็กขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ซับซ้อน ซึ่งหลักๆ มี 2 อย่างคือ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเด็กหลอดแก้วนั้นเกิดจากไข่ของแม่และอสุจิของพ่อ ดังนั้นจึงได้รับพันธุกรรมจากพ่อและแม่ เหมือนการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่า เด็กหลอดแก้ว ฉลาด อาจมาจาก”ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดู” เพราะคู่สมรสที่ตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้วมักมีความพร้อมหลายด้าน เช่น วุฒิภาวะ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความตั้งใจและเอาใจใส่ในการเลี้ยงดู ซึ่งเป็นตัวส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา เช่นเดียวกับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติในครอบครัวที่มีความพร้อม


การทำเด็กหลอดแก้วมีโอกาสที่จะมีการตั้งครรภ์ลูกแฝดสูงจริงหรือไม่

โอกาสการตั้งครรภ์ลูกแฝดจากการทำเด็กหลอดแก้วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนตัวอ่อนที่ย้าย อายุฝ่ายหญิง และสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก โดยทัั่วไป หากมีการย้ายตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัว และฝ่ายหญิงมีอายุน้อย โอกาสตั้งครรภ์แฝดก็จะสูงขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการการันตีว่าการตั้งครรภ์เด็กแฝดจะสำเร็จในทุกครั้ง เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น คุณภาพของตัวอ่อนและสภาพโพรงมดลูกร่วมด้วย

ในปัจจุบัน แพทย์มักแนะนำให้ย้ายเพียง 1 ตัวอ่อนที่มีคุณภาพสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์แฝดที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อแม่และทารก

การทำเด็กหลอดแก้ว เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากที่ต้องการมีบุตร และมีอัตราความสำเร็จ 100% จริงหรือไม่

เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายก็ถดถอยลง สำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ก็จะลดลง เพราะมีผลมาจากหลายปัจจัย เช่น จำนวนไข่ คุณภาพของไข่ ความผิดปกติทางร่างกาย เป็นต้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน อัตราความสำเร็จจากการย้ายตัวอ่อนที่โครโมโซมปกติสูงถึง 70-75% ต่อรอบการย้ายตัวอ่อน


ทำเด็กหลอดแก้ว ต้องจดทะเบียนสมรสไหม

ตามกฎหมายของประเทศไทย การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) หรือการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์อื่นๆ จะต้องทำใน คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น โดยระบุในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ว่าผู้ที่จะใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้ จะต้องเป็น “สามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งหมายถึงคู่ที่จดทะเบียนสมรสกันแล้วเท่านั้น และอย่างน้อยหนึ่งคนต้องมีสัญชาติไทย นอกจากนั้น ทั้งสามีและภริยาจะต้องให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรในการดำเนินการอีกด้วย

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็ก เพราะการกำหนดให้พ่อแม่ต้องจดทะเบียนสมรสกัน จะทำให้เด็กที่เกิดมามีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของทั้งสามีและภริยาคู่นั้นทันที นอกจากนั้น ยังการป้องกันการรับจ้างตั้งครรภ์เชิงพาณิชย์ (อุ้มบุญ) และการนำไข่หรืออสุจิไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมด้วย


เด็กหลอดแก้ว เลือกเพศได้ไหม

ตามกฎหมายของประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้ทำการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวเพื่อจุดประสงค์ในการเลือกเพศลูก อย่างไรก็ตามสามารถทำการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น

  • ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 35 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อความผิดปกติของโครโมโซมในตัวอ่อนเพิ่มขึ้น
  • เคยแท้งบุตรติดต่อกัน 2 ครั้งขึ้นไป
  • เคยย้ายตัวอ่อนมาแล้ว 2 รอบแต่ไม่ตั้งครรภ์
  • เคยมีบุตรที่มีความผิดปกติของพันธุกรรมหรือโครโมโซมมาก่อน

ซึ่งการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (Preimplantation Genetic Testing หรือ PGT) เป็นการตรวจความผิดปกติของทั้ง 23 คู่โครโมโซม ซึ่งทำให้ทราบเพศของตัวอ่อนด้วย

LIVE หมอนิ พญ. นิศารัตน์ สุนทราภา

พญ. นิศารัตน์ สุนทราภา
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และภาวะการมีบุตรยาก

ข่าวสารและบทความอื่นๆ

ภาวะรังไข่เสื่อม กับสาววัยทำงานที่มีความเครียดสูง

ความเครียดเรื้อรังที่สะสมจากงานและชีวิตประจำวัน อาจเป็นตัวเร่งสำคัญ ทำให้รังไข่เสื่อมเร็วกว่าปกติ

CEO’s Guide to Family Planning : EP. 3 The Portfolio: “Your Strategic Options: A Portfolio of Solutions”

ผู้บริหารที่ดีไม่ใช่คนที่มีแค่ “หนึ่งทางเลือก” แต่คือคนที่รู้จัก “สร้างตัวเลือก” ไว้ล่วงหน้า ใน EP.3 นี้ คุณเจมส์พูดถึงทางเลือกในการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่ออนาคตครอบครัว

ถามหมอ 💬 กับหมอโฟม : ท้องแล้วมีเลือดออก สัญญาณอันตราย หรือปกติ

หนึ่งในความกังวลของคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ คือ ท้องแล้วมีเลือดออก ถือเป็นสัญญาณอันตราย หรือปกติ มาฟังคุณหมอโฟมตอบข้อสงสัยนี้กันค่ะ